วันเสาร์, 17 พฤษภาคม 2568

การพัฒนาใหม่ของซีพียู Core Ultra สถาปัตยกรรมที่รองรับการประมวลผล AI

28 เม.ย. 2025
122

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับซีพียู Core Ultra

ซีพียู Core Ultra เป็นชื่อใหม่ของซีพียูจาก Intel ที่เปิดตัวในปลายปี 2023 (เริ่มที่รุ่น Core Ultra 5, 7, 9) เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการพัฒนาที่มุ่งหวังในการตอบสนองความต้องการในการประมวลผลข้อมูลที่มีความซับซ้อนในยุคปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นในด้านการออกแบบและฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะช่วยให้มันเหนือกว่าซีพียูรุ่นก่อนหน้านี้ รูปแบบของซีพียู Core Ultra นั้นถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับการทำงานที่มีลักษณะเฉพาะของการประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หนึ่งในฟีเจอร์สำคัญของซีพียู Core Ultra คือการรวมเอาเทคโนโลยีการประมวลผลหลายคอร์เข้ามาใช้ ซึ่งช่วยให้สามารถดำเนินการที่ต้องใช้พลังการคำนวณสูงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโมเดลการเรียนรู้ของเครื่อง หรือการประมวลผลภาพและเสียงที่มีข้อมูลจำนวนมาก ฟีเจอร์เหล่านี้ทำให้ซีพียูสามารถประมวลผลข้อมูลได้ในลักษณะที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

อีกทั้ง ซีพียู Core Ultra ยังถูกพัฒนามาเพื่อให้สามารถจัดการกับการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยให้การใช้พลังงานลดลง แต่ยังคงสามารถจัดการกับการทำงานที่หนักหน่วงได้ดี แนวทางการพัฒนานี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการตอบรับกับความต้องการในการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน ที่ต้องการความสามารถในการประมวลผลที่สูงขึ้นในขณะที่ยังคงรักษาประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน

ความแตกต่างระหว่าง Core Ultra และ Core i (เช่น i5, i7, i9) ทั้งในเชิงโครงสร้างภายในและเป้าหมายการใช้งาน สรุปชัดๆ

หัวข้อIntel Core i (เก่า)Intel Core Ultra (ใหม่)
สถาปัตยกรรมAlder Lake / Raptor LakeMeteor Lake (ใหม่หมดจด)
โครงสร้างชิปชิ้นเดียว (Monolithic Die)ชิปหลายตัวประกอบ (Multi-tile, Chiplet)
การประหยัดพลังงานดีพอใช้ แต่ยังไม่สุดดีกว่าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กบางเบา
มี AI Engine (NPU)ไม่มีมีเฉพาะใน Core Ultra เพื่อรองรับ AI
เน้นการใช้งานการทำงานทั่วไป, เกม, งานหนักงานผสมผสาน เช่น AI, การประมวลผลภาพ-เสียง
กราฟิกในตัว (iGPU)Intel Iris Xe (ดีแต่เก่าแล้ว)Intel Arc Graphics (ใหม่กว่า, แรงขึ้น)
ระบบการตั้งชื่อCore i5-1340P, i7-13700H เป็นต้นCore Ultra 5 125H, Ultra 7 155H เป็นต้น

จุดสำคัญที่แตกต่างแบบเห็นได้ชัดคือ

  • Core Ultra มี NPU (Neural Processing Unit) เพื่อรองรับงาน AI เช่น การเร่งการประมวลผล Machine Learning, วิดีโอคอลที่ใช้ AI ช่วยเบลอฉากหลัง, ช่วยประหยัดพลังงาน ฯลฯ
  • ใช้ เทคโนโลยี Multi-tile คือแยกชิปเป็นหลายก้อน เช่น ชิปประมวลผล, ชิปกราฟิก, ชิป I/O แยกกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าชิปแบบเดิม
  • ตัวกราฟิกใน Core Ultra เป็น Intel Arc Graphics (ที่แรงกว่ารุ่นก่อนหน้าชัดเจน)

สรุปสั้นๆ

  • ถ้าเอาไปใช้ทำงานทั่วไป, เล่นเกมเบาๆ, ใช้โปรแกรมออฟฟิศ — Core i รุ่นใหม่ๆ ก็ยังโอเค
  • แต่ถ้าอยากได้เทคโนโลยีใหม่, ใช้งานที่เน้นประหยัดพลังงาน + มีงานที่เริ่มใช้ AI เข้ามาช่วย (หรือใช้โน้ตบุ๊กบางเบา) — Core Ultra เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจกว่า

การปรับ Architecture ของ Core Ultra เพื่อการประมวลผล AI

ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ซึ่งทำให้ความต้องการในการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดการข้อมูลที่มีความซับซ้อน การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และการสร้างโมเดลการเรียนรู้ที่ต้องใช้พลังการประมวลผลที่สูง ในที่นี้สถาปัตยกรรมของซีพียู Core Ultra ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว

การปรับ architecture ของ Core Ultra ในด้าน AI เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลและรองรับการทำงานของโหนดที่ซับซ้อนเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ตอบโจทย์เทคโนโลยี AI ได้อย่างเหมาะสม โดยซีพียู Core Ultra ได้มีการนำเสนอความสามารถในการประมวลผลที่มีการปรับตัวให้เหมาะสมกับการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) การประมวลผลภาพ (image processing) และการประมวลผลเสียง (audio processing) ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ

สถาปัตยกรรมที่ถูกปรับปรุงนี้ยังรวมถึงการสนับสนุนอินสตรักเจอร์ที่สามารถส่งเสริมให้ AI ดำเนินงานได้อย่างราบรื่น โดยการรวมเอาความสามารถของโพรเซสเซอร์และคอร์ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานที่มีความเข้มข้นของ AI ซึ่งเปิดประตูสู่หลากหลายการใช้งาน เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์อัจฉริยะ การแพทย์ที่ล้ำสมัย และอื่น ๆ การสร้างสถาปัตยกรรมที่รองรับการประมวลผล AI นี้ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของการพัฒนาที่มุ่งหวังจะทำให้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันอย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางเปรียบเทียบ สเปคจริง ของ Intel Core i7-1360P (Gen 13) กับ Intel Core Ultra 7 155H (Meteor Lake, Core Ultra Gen 1)

รายการCore i7-1360PCore Ultra 7 155H
สถาปัตยกรรม (Architecture)Raptor Lake (13th Gen)Meteor Lake (Core Ultra 1st Gen)
จำนวนคอร์ (Cores)12 คอร์ (4P + 8E)16 คอร์ (6P + 8E + 2LPE)
จำนวนเธรด (Threads)16 เธรด22 เธรด
ประเภทคอร์P-core (Performance), E-core (Efficiency)P-core, E-core, LP E-core (Low Power)
ความเร็วพื้นฐาน (Base Clock)P-core: 2.2GHz / E-core: 1.6GHzไม่ระบุชัดเจน (ขึ้นกับ Load)
ความเร็วสูงสุด (Turbo Boost)สูงสุด 5.0GHzสูงสุด 4.8GHz
NPU (AI Accelerator)ไม่มีมี (Intel AI Boost NPU)
กราฟิกในตัว (iGPU)Intel Iris Xe (96 EU)Intel Arc Graphics (8 Xe-cores)
หน่วยความจำรองรับ (RAM)LPDDR5 / DDR5 (สูงสุด 64GB)LPDDR5x / DDR5 (สูงสุด 96GB)
TDP (กำลังไฟ)28W (Configurable 20-64W)28W (Configurable 20-115W)
กระบวนการผลิต (Process Node)Intel 7 (10nm Enhanced SuperFin)Intel 4 (7nm class ใหม่กว่า)
รองรับ AV1 Encode/Decodeรองรับบางส่วนรองรับเต็มรูปแบบ
รองรับ Wi-FiWi-Fi 6EWi-Fi 7 (ใหม่กว่า)
รองรับ ThunderboltThunderbolt 4Thunderbolt 4
กำหนดการวางตลาดต้นปี 2023ปลายปี 2023

สรุปแบบกระชับ

  • Core Ultra 7 155H มีคอร์เยอะกว่า (และมีคอร์ Low Power เพิ่มอีก 2 ตัว ช่วยประหยัดไฟตอน idle หรือเบาๆ)
  • Core Ultra 7 155H มี NPU สำหรับเร่งงาน AI
  • iGPU ใน Core Ultra ดีกว่า (Arc Graphics แรงกว่าชัดเจน เทียบ Iris Xe)
  • การเชื่อมต่อ — Core Ultra รองรับ Wi-Fi 7 (เร็วกว่า Wi-Fi 6E ของ Core i7 1360P)
  • การประหยัดพลังงาน — Core Ultra ดีขึ้นอีกขั้น ด้วย Intel 4 Node (เล็กกว่า เดินสัญญาณได้เร็วขึ้น)

หมายเหตุ

  • ถ้าเน้นทำงานทั่วไป เปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน Core i7-1360P ยังตอบโจทย์
  • ถ้าอยากได้โน้ตบุ๊กที่รองรับงาน AI, เล่นเกมเบาๆ ใช้กราฟิกดีกว่า และอนาคตไปทาง AI — Core Ultra 7 155H เหมาะกว่าชัดเจน

เปรียบเทียบ Architecture (โครงสร้างภายใน) ของ Intel Core i7-1360P (Raptor Lake-P) กับ Intel Core Ultra 7 155H (Meteor Lake-H) กันแบบละเอียดๆ

หัวข้อCore i7-1360P (Raptor Lake-P)Core Ultra 7 155H (Meteor Lake-H)
แนวทางการออกแบบMonolithic (ชิปก้อนเดียว)Multi-tile (Chiplet Design)
Core Layout4P-core (Performance) + 8E-core (Efficiency)6P-core + 8E-core + 2 LP-E core (Low Power)
ประเภท CoreP-core = Raptor Cove
E-core = Gracemont
P-core = Redwood Cove
E-core = Crestmont
LP-E core = Crestmont (ประหยัดไฟมากๆ)
การผลิต (Process Node)Intel 7 (ประมาณ 10nm Enhanced)Intel 4 (ประมาณ 7nm class จริงๆ)
Memory Controllerฝังใน CPUแยกเป็น Tile (Memory Tile แยกต่างหาก)
กราฟิกในตัว (iGPU)Intel Iris Xe (ฝังใน CPU)Intel Arc Graphics (แยก Graphics Tile โดยเฉพาะ)
NPU (AI Engine)ไม่มีมี Intel AI Boost NPU (แยก Tile)
ระบบ I/O (เชื่อมต่อ)ฝังใน CPUแยกเป็น SoC Tile (รวม Wi-Fi, Bluetooth, Display, USB)
รองรับการเร่งงาน AIไม่มีเร่งเฉพาะทางรองรับด้วย NPU และ iGPU
Power Efficiencyประหยัดไฟพอสมควรประหยัดไฟกว่าชัดเจน ด้วย LP-E cores และกระบวนการผลิตที่เล็กกว่า
เป้าหมายการออกแบบประสิทธิภาพทั่วไปสำหรับโน้ตบุ๊กบางเบาสมดุลงานทั่วไป + งาน AI + กราฟิกแรง + ประหยัดไฟสุดๆ
รองรับ Wi-FiWi-Fi 6E ในตัวWi-Fi 7 (ผ่าน SoC Tile)

สรุปสั้นๆ

  • Raptor Lake (Core i7-1360P) → คือดีไซน์แบบชิ้นเดียว (เหมือนรุ่นเก่าๆ) ที่เน้นเพิ่มความเร็วคอร์ และใช้ Iris Xe กราฟิกในตัว
  • Meteor Lake (Core Ultra 7 155H) → คือดีไซน์ใหม่ แยกชิป Tile ออกเป็น 4 ส่วน
  1. Compute Tile (P-core / E-core / LP-E core)
  2. Graphics Tile (Arc GPU)
  3. SoC Tile (Wi-Fi, Bluetooth, I/O ต่างๆ)
  4. IO Tile (Memory, PCIe, USB)
  5. และเพิ่ม NPU สำหรับงาน AI ที่เด่นชัด

Meteor Lake ยังเป็นตัวแรกที่ Intel ใช้ เทคโนโลยีผลิต Intel 4 (จริงๆ แล้วใกล้เคียงกับ 7nm ของ TSMC แต่ Intel ปรับประสิทธิภาพดีกว่าเดิม)

ฟีเจอร์หลักที่รองรับการประมวลผล AI

การพัฒนาซีพียู Core Ultra ใหม่ได้มีการปรับปรุงฟีเจอร์ที่สำคัญเพื่อรองรับการประมวลผล AI อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความสามารถในการทำงานหลายเธรด (multithreading) ที่ช่วยให้ซีพียูสามารถจัดการกับงานที่ซับซ้อนได้พร้อมกันได้มากขึ้น การทำงานแบบหลายเธรดนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในโลกของ AI ปัจจุบัน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพที่มาจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้หน่วยประมวลผลเฉพาะด้าน (accelerators) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการคำนวณที่เกี่ยวข้องกับ Machine Learning และ Deep Learning เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้การประมวลผลข้อมูลมีความรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น สามารถลดเวลาที่จำเป็นในการฝึกสอนโมเดล AI ตลอดจนการใช้งานในงานวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการความแม่นยำสูง

นอกจากนี้ ระบบภายในของ Core Ultra ยังมีการปรับปรุงในการจัดการพลังงาน ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงานในขณะเดียวกัน ด้วยฟีเจอร์เหล่านี้ ซีพียู Core Ultra จึงไม่เพียงแต่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ยังเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องการการประมวลผล AI ที่มีความซับซ้อนในระดับสูง

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและอนาคตของการประมวลผล AI

การพัฒนาใหม่ของซีพียู Core Ultra ได้สร้างความตื่นตัวในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการประมวลผล AI ที่มีความต้องการสูงขึ้นในปัจจุบัน คาดว่าในอนาคต การประมวลผล AI จะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในภาคธุรกิจ เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าผ่านการใช้ AI เพื่อประมวลผลข้อมูลและตอบสนองตามความต้องการของลูกค้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำ นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ประมวลผลคำสั่งซื้ออัตโนมัติ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาด

ในด้านการแพทย์ การใช้ซีพียู Core Ultra จะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์และสร้างแบบจำลองการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น การประมวลผล AI จะเข้าไปช่วยในการวินิจฉัยโรค การพัฒนาวิธีการรักษาใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ และการวิจัยทางการแพทย์

ภาคความบันเทิงก็ไม่พ้นจากการเปลี่ยนแปลงนี้ การใช้ AI ในการสร้างสรรค์เนื้อหา เช่น การสร้างภาพยนตร์หรือเพลงที่สามารถตอบสนองต่ออารมณ์และความต้องการของผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในด้านการศึกษา การใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนจะช่วยให้ผู้สอนสามารถปรับวิธีการสอนให้เหมาะสมได้

ผู้พัฒนาจะต้องมีความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยการพัฒนาเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่สามารถใช้งานได้ง่าย และสร้างสรรค์ประสบการณ์การใช้งานที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การประมวลผล AI สามารถขยายตัวไปได้อีกในอนาคต