วันเสาร์, 17 พฤษภาคม 2568

หน่วยประมวลผล NPU architecture แบบฉบับเข้าใจง่ายสำหรับคนทั่วไป

30 เม.ย. 2025
114

NPU คืออะไร?

NPU หรือ Neural Processing Unit เป็นหน่วยประมวลผลที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับการคำนวณที่ซับซ้อนในงานด้านการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น การรู้จำเสียง การประมวลผลภาพ และการจัดการข้อมูลใหญ่ ความสำคัญของ NPU เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อปริมาณข้อมูลที่ต้องการประมวลผลมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการใช้เทคโนโลยี AI ในหลากหลายสาขา

เข้าใจหลักการง่ายๆเลย การประมวลผลกับข้อมูลปริมาณเยอะๆ หน่วยประมวลผล NPU ออกแบบให้เป็นแบบ Matrix Processing Units (MAC Units) น้ำใสดอทคอม ก็ยกตัวอย่างรูปนี้ให้ทุกคนดู แล้วคิดตาม

ด้านซ้ายมือเป็นรูปอะไร มีใครตอบได้บ้าง แน่นอนว่าทุกคนตอบได้ ว่าเป็นนก ถ้าลงลึกไปอีกว่านกอะไร ? เป็นนกที่พบในประเทศไหนบ้าง ยิ่งลงลึกในรายละเอียดบางท่านก็อาจจะไม่ทราบแล้วว่าคำตอบคืออะไร การแยกว่ารูป รูปหนึ่งนั้นเป็นข้อมูลอะไร จะต่างจากข้อความหรือ text เพราะภาพประกอบด้วยรายละเอียดที่มากกว่า ด้วยการประมวลผล CPU แบบเดิม ทุกคนอาจจะใช้เวลานานมากกว่าคอมพิวเตอร์จะให้คำตอบว่ารูปนี้คือรูปอะไร เพราะคอมพิวเตอร์ที่ใช้หน่วยประมวลผล CPU จะทำงานได้รวดเร็วในรูปแบบที่เป็นข้อความมากกว่ารูปภาพนั่นเอง

การออกแบบโปรแกรมตามรูปจะเห็นได้ว่า จะเริ่มจาก การ Training ก่อน เข้าใจง่ายๆ ให้โปรแกรมเรียนรู้ว่าสิ่งนี้ หรือรูปนี้คืออะไร จากนั้นโปรแกรมก็จะให้คำตอบ และแน่นอนเมื่อเจอสิ่งใหม่ก็จะมีการเรียนรู้ แล้วจึงจะได้คำตอบ

การทำงานของ NPU ได้รับการออกแบบให้สามารถจัดการกับอัลกอริธึมที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความเร็วในการคำนวณ ทำให้ NPU มีประสิทธิภาพสูงกว่า CPU (Central Processing Unit) และ GPU (Graphics Processing Unit) ในด้านการประมวลผลเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ AI การทำงานของ CPU นั้นเหมาะสำหรับการจัดการกับงานที่มีความหลากหลาย ส่วน GPU นั้นมีความสามารถในการประมวลผลพาราเลลที่สูง ทำให้เหมาะกับการทำงานด้านกราฟิกและการประมวลผลภาพ แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องใช้การคำนวณที่มีลักษณะเฉพาะในงาน AI NPU ก็สามารถแสดงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าได้

NPU ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดพลังงานที่จำเป็นในการทำงานอีกด้วย การออกแบบที่เหมาะสมทำให้ NPU เป็นทางเลือกที่ดีในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วและเชื่อถือได้ อย่างไรก็ตาม การใช้ NPU จำเป็นต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับอัลกอริธึมที่ต้องการนำมาใช้ เพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุดจากความสามารถที่มีอยู่ของหน่วยประมวลผลนี้

โครงสร้างของ NPU

1.Matrix Processing Units (MAC Units)

  • NPU มักมีหน่วยประมวลผลแบบคูณและบวก (Multiply and Accumulate – MAC) จำนวนมาก ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการประมวลผลเทนเซอร์หรือเมทริกซ์ใน neural network

การประมวล NPU ที่ใช้ Matrix Processing Units (MAC Units) ตามรูปจะสังเกตว่าใช้ปริมาณข้อมูลที่ค่อนข้างเยอะ เพื่อจะได้คำตอบ ถ้าทุกท่านลองนึกภาพตาม ข้อมูลข้างใน เป็น 0 กับ หนึ่ง การทำหลายๆงานพร้อมกันแล้วนำผลลัพธ์มารวมกัน เป็นรูปแบบการทำงานของหน่วยประมวล NPU

2.Tensor Cores / Vector Cores

  • รองรับการคำนวณแบบขนานจำนวนมากในรูปแบบของเวกเตอร์หรือเทนเซอร์
  • เหมาะกับงานเช่น convolution, matrix multiplication ที่ใช้บ่อยใน deep learning

3.On-Chip Memory (SRAM / Buffer)

  • หน่วยความจำที่อยู่ภายในตัว NPU เพื่อจัดเก็บข้อมูลชั่วคราว เช่น weights, activations
  • ลดเวลาการเข้าถึงข้อมูลจากหน่วยความจำหลัก

4.DMA / Memory Controller

  • จัดการการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง NPU และหน่วยความจำหลัก (เช่น DRAM) อย่างมีประสิทธิภาพ

5.Control Unit

  • ควบคุมการทำงานของโมดูลต่าง ๆ ภายใน NPU เช่น ลำดับการประมวลผล, การกำหนดตารางเวลาการใช้งาน MAC units

6.Interconnect / Dataflow Architecture

  • เป็นระบบที่ใช้เชื่อมต่อระหว่างโมดูลต่าง ๆ ภายใน NPU โดยอาจใช้แบบ systolic array, mesh หรืออื่น ๆ
  • ส่งข้อมูลไปยัง MAC units อย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้งานจริงของ NPU

หน่วยประมวลผล NPU (Neural Processing Unit) กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีหลาย ๆ ด้าน ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลที่เป็นผลจากการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) NPU สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในหลากหลายแอพพลิเคชัน ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงเทคโนโลยีในรถยนต์อัจฉริยะ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมาร์ทโฟนได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ต้องใช้เทคโนโลยี AI เช่น การสั่งงานด้วยเสียง และการประมวลผลภาพ NPU จะเข้ามาช่วยให้การทำงานเหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้รับคือฟีเจอร์ที่ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การรู้จำเสียงพูดที่สามารถแยกแยะคำพูดในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนได้ดี หรือการประมวลผลภาพที่ไปสู่การสร้างกราฟฟิกและเอฟเฟ็กต์ที่ทันสมัย

นอกจากในสมาร์ทโฟนแล้ว NPU ยังมีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยีรถยนต์อัจฉริยะ การใช้ NPU ช่วยให้รถยนต์สามารถรับรู้สภาพแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ทำให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย นอกจากนี้ ในด้านการจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ NPU ช่วยในการควบคุมกระบวนการที่มีความซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดการข้อมูลสุขภาพที่ต้องการความแม่นยำสูง นี่แสดงให้เห็นว่า NPU เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญและมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอย่างไร

หลักการทำงานของ NPU

1.รับข้อมูลเข้า (Input Activation)

  • รับข้อมูลภาพ เสียง หรือข้อมูลตัวเลขที่แปลงมาเป็นเทนเซอร์

2.โหลด Model Parameters (Weights)

  • ดึงพารามิเตอร์ของโมเดล AI เช่น ค่าน้ำหนัก (weights) จากหน่วยความจำเข้าสู่ on-chip memory

3.ประมวลผลแบบขนาน (Parallel Compute)

  • คำนวณค่าต่าง ๆ ตามโครงข่ายประสาทเทียม เช่น convolution, matrix multiplication, activation function
  • MAC units จะประมวลผลข้อมูลอย่างขนานเพื่อความเร็วสูง

4.ใช้งาน Activation Function

  • ใช้ฟังก์ชันที่ไม่เป็นเชิงเส้น เช่น ReLU, sigmoid เพื่อแปลงค่าผลลัพธ์

5.ส่งต่อผลลัพธ์ (Forward Propagation)

  • ส่งค่าที่ได้ไปยังชั้นถัดไปของเครือข่ายประสาทเทียม

6.ส่งออกผลลัพธ์สุดท้าย (Output)

  • ให้ผลลัพธ์สุดท้าย เช่น การจำแนกรูปภาพ การรู้จำเสียง ฯลฯ

จุดเด่นของ NPU

  • ประมวลผล AI ได้รวดเร็วและประหยัดพลังงานกว่าการใช้ CPU หรือ GPU
  • ออกแบบให้ทำงานกับงาน AI โดยตรง เช่น Convolutional Neural Networks (CNN), Transformer
  • มีประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา เช่น สมาร์ตโฟน (เช่น Kirin NPU, Apple Neural Engine)

ประโยชน์ของการใช้ NPU

หน่วยประมวลผล NPU (Neural Processing Unit) มีบทบาทสำคัญในด้านการประมวลผลข้อมูล และให้ประโยชน์มากมายเมื่อเปรียบเทียบกับ CPU และ GPU โดยเฉพาะในแง่ของการดำเนินงานที่มีความต้องการในการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล เช่น ในระบบที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้ AI และ Machine Learning ซึ่ง NPU นั้นสามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถสร้างโมเดลที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิผล.

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของ NPU คือ ความสามารถในการจัดการกับการส่งข้อมูลที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซอฟต์แวร์ด้าน AI สามารถทำงานได้อย่างเสถียรมากขึ้น การใช้ NPU ยังช่วยในการประมวลผล Neural Networks ซึ่งมีมิติที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว จึงช่วยลดเวลาที่ต้องใช้ในการฝึกอบรมโมเดลได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ NPU ยังช่วยลดการใช้พลังงานเมื่อเทียบกับ CPU และ GPU ซึ่งทำให้มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุปกรณ์ที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน.

การพัฒนา NPU ยังส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาด อย่างเช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่สามารถประมวลผลภาพ เสียง และข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อนาคตของ NPU ในเทคโนโลยี

หน่วยประมวลผล NPU (Neural Processing Unit) ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการในการประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเติบโตในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากการขยายตัวของเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) และการใช้งานในอุปกรณ์อัจฉริยะต่าง ๆ ได้กลายเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าที่เคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล การเรียนรู้ของเครื่อง และการประมวลผลภาพ นอกจากนี้ ความต้องการในตลาดสำหรับการใช้งาน AI ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำมาซึ่งโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนา NPU ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสามารถเข้าถึงการประมวลผลที่รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

การพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการเรียนรู้ของเครื่อง ทำให้มีแนวโน้มที่จะมีการนำเสนอ NPU รุ่นใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการปรับปรุงการทำงานต่าง ๆ ของอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น สมาร์ทโฟน รถยนต์ไร้คนขับ และเทคโนโลยี IoT (Internet of Things) ซึ่งจะเข้ามาช่วยในการจัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นในเวลาจริง นอกจากนี้ การสนับสนุนจากผู้ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมและการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนายังคงเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของ NPU

การพัฒนาเหล่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่การเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล แต่ยังรวมถึงการปรับปรุงด้านพลังงานและการใช้ทรัพยากรที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเมื่อพิจารณาถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรที่มีอยู่ การพัฒนา NPU ช่วยยกระดับเทคโนโลยีให้ก้าวไปข้างหน้าในขณะที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้และตลาดในอนาคต