Fortigate 120G เป็นไฟล์วอลล์ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท Fortinet ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยป้องกันเครือข่ายจากภัยคุกคามต่างๆ เช่น ไวรัส, มัลแวร์, และการโจมตีทางไซเบอร์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เกิดการใช้งานระดับองค์กร ภายในอุปกรณ์นี้ได้รวมฟีเจอร์ที่สำคัญตามความต้องการของผู้ใช้ เช่น การป้องกันการบุกรุก, การควบคุมแบนด์วิดท์, และบริการ VPN ที่ทำให้การเชื่อมต่อมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

120G เปิดตัวในช่วงกลางปี 2023 โดย Fortinet ได้ประกาศเปิดตัวอุปกรณ์นี้ในเดือนมิถุนายน 2023 โดยมีการใช้งานจริงในองค์กรตั้งแตต้นปี 2023 และได้รับการสนับสนุนใน FortiOS รุ่น 7.0.15 build 0632 ซึ่งเปิดตัวในช่วงกลางปี 2023 เช่นกัน
อุปกรณ์ Fortigate 120G มีสเปคที่น่าประทับใจ รวมถึงการประมวลผลที่รวดเร็วและความสามารถในการจัดการปริมาณข้อมูลที่สูง ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในภาคธุรกิจที่มีผู้ใช้งานหลายคน ที่สำคัญ ฟีเจอร์ DEEP PACKET INSPECTION ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในระดับลึก ทำให้การรักษาความปลอดภัยเครือข่ายมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ได้ทำให้ Fortigate 120G กลายเป็นตัวเลือกที่นิยมในตลาดอุปกรณ์ไฟล์วอลล์
FortiGate 120G เป็นหนึ่งในรุ่นใหม่ของ Fortinet ที่อยู่ในซีรีส์ FortiGate G-series ซึ่งมาพร้อมกับหลายการอัปเกรดที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง F-series หรือ E-series โดยเฉพาะในแง่ของ ประสิทธิภาพ, พอร์ตการเชื่อมต่อ, และ ความสามารถด้าน AI/ML สำหรับการป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง

จุดเด่นที่น่าสนใจกว่าเดิมใน FortiGate 120G
1.FortiASIC SOC5
- ใช้ชิป System-on-Chip (SOC5) รุ่นล่าสุดที่ Fortinet ออกแบบเอง
- ช่วยเพิ่ม throughput สูงขึ้นมาก โดยเฉพาะ SSL inspection, IPS, และ NGFW
- ประสิทธิภาพดีกว่าชิป SOC4 ที่ใช้ใน F-series
2.ประสิทธิภาพ (Performance)
- Firewall Throughput สูงถึง 22 Gbps (มากกว่ารุ่นก่อนที่อยู่ราว ๆ 10–14 Gbps)
- Threat Protection ประมาณ 1.6 Gbps (ขึ้นอยู่กับการเปิดฟีเจอร์ UTM)
- SSL inspection throughput ดีขึ้นเยอะ รองรับการทำงานในยุค HTTPS-first ได้ดีขึ้น
3.พอร์ตที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
- มาพร้อมพอร์ต 10G SFP+ (เช่น 2 ช่อง) สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง
- พอร์ต 1G และพอร์ต MGMT แยกต่างหาก ช่วยจัดการ network ได้สะดวก
4.รองรับ FortiGuard AI/ML
- ทำงานร่วมกับ Fortinet Security Fabric และ FortiGuard AI Threat Intelligence
- ระบบเรียนรู้และตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ พร้อม response อัตโนมัติ
5.Zero Trust & SASE Ready
- รองรับ ZTNA (Zero Trust Network Access) ในตัว ไม่ต้องซื้อแยก
- รองรับการใช้งานใน SASE architecture ได้ดีขึ้นสำหรับองค์กรที่ใช้ hybrid work
6.Security Services เต็มรูปแบบ
- รองรับ UTM features แบบครบครัน: NGFW, IPS, AV, Web Filtering, Application Control ฯลฯ
- รองรับ SD-WAN, VPN, และการทำงานแบบ HA (High Availability)
สรุปคือ FortiGate 120G เหมาะกับองค์กรที่ต้องการ performance สูงกว่า, รองรับ traffic ปริมาณมาก, และ มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงในยุค Zero Trust และ Cloud-first ได้ดีกว่ารุ่นเก่าแบบ E หรือ F-series อย่างชัดเจน

ในยุคปัจจุบัน ไฟล์วอลล์ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ Fortigate 120G ยังคงนำเสนอความสามารถในการป้องกันที่เหนือกว่ารูปแบบดั้งเดิม ผ่านการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาในยุคดิจิทัลนี้ ทำให้ไฟล์วอลล์ไม่ใช่แค่เครื่องมือป้องกันแต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการจัดการเครือข่ายอีกด้วย
คุณสมบัติและฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
Fortigate 120G เป็นไฟล์วอลที่มีคุณสมบัติและฟีเจอร์หลากหลายซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับระบบเครือข่าย โดยเริ่มจากระบบป้องกันการบุกรุก (Intrusion Prevention System – IPS) ที่มีความสามารถในการตรวจจับและบล็อกการโจมตีที่มาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็กหรือสูญเสียข้อมูลสำคัญ
นอกจากนี้ Fortigate 120G ยังมีฟีเจอร์การบล็อคไวรัส ที่สามารถตรวจสอบไฟล์ที่ถูกดาวน์โหลดและรับส่งในเครือข่ายได้แบบเรียลไทม์ ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสหรือมัลแวร์ โดยทางไฟล์วอลรุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการสแกนที่มีความแม่นยำสูง ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลของตน
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Fortigate 120G คือการกรองเว็บ ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุมและจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมหรืออันตรายได้ โดยสามารถตั้งค่าตามนโยบายความปลอดภัยขององค์กร นอกจากนี้ การจัดการแบนด์วิธก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานแบนด์วิธในเครือข่ายได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การทำงานและการเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในไลน์ผลิตภัณฑ์ Fortigate จะพบว่า Fortigate 120G มีความสามารถและฟีเจอร์ที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน การป้องกันที่เพิ่มขึ้น และการจัดการที่ง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระดับสูง

เปรียบเทียบ FortiGate 120G vs 100F
รายการ | FortiGate 120G | FortiGate 100F |
---|---|---|
ชิปประมวลผล | FortiASIC SoC5 | FortiASIC SoC4 |
Firewall Throughput | สูงสุด 39 Gbps | สูงสุด 20 Gbps |
IPSec VPN Throughput | 35 Gbps | 11.5 Gbps |
IPS Throughput | 5.3 Gbps | 1.6 Gbps |
NGFW Throughput | 3.1 Gbps | 800 Mbps |
Threat Protection Throughput | 2.8 Gbps | 700 Mbps |
SSL Inspection Throughput | 3 Gbps | 1 Gbps |
จำนวนพอร์ต RJ45 | 18 พอร์ต (รวม 1 Mgmt, 1 HA, 16 Switch) | 22 พอร์ต (รวม 2 WAN, 1 DMZ, 1 Mgmt, 2 HA, 16 Switch) |
พอร์ต SFP/SFP+ | 8x GE SFP, 4x 10GE SFP+ | 4x SFP, 2x 10GE SFP+ FortiLinks |
รองรับ FortiAPs (Total/Tunnel) | 128 / 64 | 128 / 64 |
รองรับ FortiSwitches | 48 | 32 |
Virtual Domains (Default/Max) | 10 / 10 | 10 / 10 |
การติดตั้งและการตั้งค่าที่เหมาะสม
การติดตั้ง Fortigate 120G นั้นเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งไม่เพียงแต่ต้องการการวางแผนที่ดี แต่ยังต้องการความเข้าใจในการใช้ฟังก์ชันต่างๆ ที่เครื่องนี้มีให้ ด้วยเหตุนี้เราจึงจะทำการอธิบายเกี่ยวกับวิธีการติดตั้งและการตั้งค่าที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เริ่มต้นจากการตรวจสอบอุปกรณ์ที่จำเป็น ในทั่วไป Fortigate 120G จะต้องมีการเชื่อมต่อกับไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตก่อนที่จะเริ่มกระบวนการติดตั้ง จากนั้นให้ต่อสาย Ethernet ระหว่างเครื่อง Fortigate และสวิตซ์ระบบเครือข่าย เมื่อเชื่อมต่อเรียบร้อยแล้ว เปิดเครื่องและรอให้ระบบปฏิบัติการเริ่มทำงาน
หลังจากเปิดเครื่องมาแล้ว ให้เข้าถึงหน้าต่างการตั้งค่าผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยพิมพ์ที่อยู่ IP เริ่มต้นของ Fortigate 120G ลงในแถบที่อยู่ หลังจากนั้นจะนำไปสู่หน้าอินเตอร์เฟซของเครื่องที่ใช้การตั้งค่า จากนั้นเข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านที่กำหนดไว้ในคู่มือการใช้งาน
เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว สิ่งแรกที่ควรทำคือการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้และการสร้างกลุ่มนโยบายพื้นฐานสำหรับการรักษาความปลอดภัย เช่น การกำหนดกฎการเข้าถึงและการตั้งค่าการจัดการที่ดีเพื่อให้แน่ใจว่าเครือข่ายมีความปลอดภัย
นอกจากนี้ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชันต่างๆ ที่มีในหน้าจอเครื่อง เช่น การกำหนดค่าฮาร์ดแวร์ ไฟร์วอลล์ และการตั้งค่าของ VPN เพื่อให้สามารถจัดการกับเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การตั้งค่าที่ถูกต้องจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ Fortigate 120G ได้อย่างเต็มกำลังและมีการจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องข้อมูลจากการคุกคามทางไซเบอร์
เคล็ดลับและการบำรุงรักษา Fortigate 120G
การดูแลรักษา Fortigate 120G เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาประสิทธิภาพการทำงานและความปลอดภัยของระบบเครือข่ายของคุณ การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นหนึ่งในกระบวนการที่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการอยู่เสมอ โดย Fortigate มีการปล่อยอัปเดตเพื่อตอบสนองต่อช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและปรับปรุงสมรรถนะ ทั้งนี้ผู้ใช้งานควรตรวจสอบและติดตั้งอัปเดตใหม่ ๆ เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์มีความปลอดภัยสูงสุด
การสำรองข้อมูลเป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่มีความสำคัญ เนื่องจากสามารถช่วยป้องกันการสูญหายของข้อมูลที่สำคัญ การทำสำเนาการตั้งค่าทั้งหมดไว้ในที่ปลอดภัย สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ผ่านทางฟังก์ชันที่มีอยู่ในอินเทอร์เฟซของ Fortigate ภายหลังการอัปเดตหรือปรับแก้อุปกรณ์ ผู้ใช้งานควรย้อนกลับมาทำการสำรองข้อมูลใหม่เสมอ
การตรวจสอบสถิติการใช้งานนั้นเป็นการประเมินความสามารถในการทำงานของอุปกรณ์ Fortigate 120G โดยผู้ดูแลระบบควรเข้าไปตรวจสอบบันทึกการเข้าถึง และการใช้งานแบนด์วิธอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แผนการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายมีความมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การจัดการกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น การแจ้งเตือนของระบบ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ก็เป็นอีกขั้นตอนที่จำเป็น และสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลทางเทคนิคต่าง ๆ ที่ Fortigate จัดเตรียมไว้ เช่น เว็บบอร์ด Forum หรือเอกสารออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
แหล่งข้อมูลราคา ของ Fortigate 120G
คุณผู้อ่านที่สนใจเลือกซื้อ Fortigate 120G สามารถแวะชมสินค้าได้ทาง Fortigate 120G ราคา สามารถแวะชม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้นะคะ